เจ็ตสกีรุ่นยักษ์ใหญ่ เรือนั่งอาชีพ จีพี โอกาสเปิดกว้างให้นักแข่งคว้าแชมป์ถึง 4-5 คน ในศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย "เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021" สนามสุดท้ายที่หาดแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ขณะที่ สุภัค เสร็จธุระ จ่อแชมป์ประเทศไทยในรุ่นเรื่อนั่งสปอร์ต จีพี
ศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย "เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021" สนามที่ 4 สนามสุดท้ายตัดสินแชมป์ประเทศไทยวันแรก ที่หาดแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. โดยมีว่าที่เรือตรี ศรัณย์วัชร พูลสวัสดิ์ ปลัดจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานในพิธีเปิด และร่วมรับชมการแข่งขัน
ในเกมความมันบนผืนน้ำ รุ่นยักษ์ใหญ่ แรงและเร็วที่สุดในโลก เรือนั่งอาชีพ จีพี (Pro Am Runabout GP) เป็นการลุ้นแชมป์ประเทศไทยครั้งแรกในชีวิตของ เลิศพงศ์ ขุนเจ๋ง กับ ธีระ เสร็จธุระ สองผู้มีคะแนนนำจาก 3 สนามแรก แต่โมโตแรกกลายเป็นว่าเรือของทั้งคู่มีปัญหาตั้งแต่ก่อนออกสตาร์ต จึงทำได้แค่ขับประคองตัวเก็บคะแนน และเป็น เพิ่มพล ธีรพัฒน์พาณิชย์ เข้าที่ 1 ตามด้วย อรพรรณ ธีรพัฒน์พาณิชย์ พี่สาว และ อเล็กเซ เบซรูคอฟ นักแข่งรัสเซีย
ขณะที่ เลิศพงศ์ เข้าที่ 7 และ ธีระ เข้าที่ 5 ซึ่งก่อนเข้าโมโต 2 ทั้งคู่ต่างเปลี่ยนเรือลงมาสู้กันใหม่ และทำได้ดีทั้งคู่ เลิศพงศ์ ออกเป็นผู้นำตามด้วย ธีระ ขณะที่ เพิ่มพล กับ อรพรรณ โชคร้ายเรือเสียทั้งคู่ต้องออกจากการแข่งขัน เลิศพงศ์ จึงเข้าที่ 1 ธีระ อันดับ 2 และ เซรูคอฟ อันดับ 3
สรุปคะแนน 2 โมโตแรกโอกาสแชมป์สนามนี้ยังเปิดกว้างสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพิ่มพล 99 คะแนน, เบซรูคอฟ 96, เลิศพงศ์ 93 คะแนน, ธีระ 92 คะแนน และ อรพรรณ 89 คะแนน ซึ่งทุกคนจะไปลุ้นกันยาวๆในอีก 2 โมโตในวันที่ 19 ธ.ค.
รุ่นใหญ่ในแบบเจ็ตสกียืน เรือยืนอาชีพ โมดิฟายด์ (Pro Am Ski Modified) โอเมิด สารี่ ยอดนักแข่งกัมพูชา ผู้มีคะแนนนำจาก 3 สนามแรก ลุ้นแชมป์กับ นันทวัฒน์ สิงห์อุไร นักแข่งทีมชาติไทย ซึ่งโมโตแรก โอเมิด ทำได้ดีกว่าเข้าที่ 1 มี มุสตาน มิน นักแข่งกัมพูชาอีกคนเข้าที่ 2 ขณะที่ นันทวัฒน์ เข้าเพียงที่ 3
โอเมิด ยังออกนำโด่งในโมโต 2 และนำม้วนเดียวจบเข้าที่ 1 อีกโมโต มี อานนท์ หงษ์กลาง เป็นอันดับ 2 และ นันทวัฒน์ ก็ยังเข้าที่ 3 ทำให้สถานการณ์หลังจบ 2 โมโต โอเมิด ค่อนข้างสบายมี 120 คะแนนเต็ม ส่วน นันทวัฒน์ มี 96 คะแนนเท่ากับ มุสตาน มิน
รุ่นนั่งอาชีพ สปอร์ต จีพี (Sport GP) สุภัค เสร็จธุระ แชมป์โลก และแชมป์ประเทศไทย 8 สมัย ลงแข่งรอรับแชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 9 หลังจากคว้าแชมป์มาแล้ว 3 สนามติดต่อกัน ซึ่ง สุภัค ก็ยังใช้ความถนัดในสนามทะเลเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ตั้งแต่โมโตแรก มี ธภัทรวัฒน์ โจสรรค์นุสนธิ์ ตามมาเป็นอันดับ 2 และ สาโรจน์ พิมพ์นิล อันดับ 3
โมโต 2 เป็น ธีระ เสร็จธุระ ที่กลับมาได้ออกนำในรอบแรกมี สุภัค น้องชายตามไล่ แต่ ธีระ ก็รักษาความเร็วของตัวเองได้ดีจนเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ตามด้วย สุภัค และ ธภัรวัฒน์ จบ 2 โมโตแรก สุภัค มีคะแนนนำ 113 คะแนน ธภัทรวัฒน์ ตามมา 101 คะแนน และ ธีระ 93 คะแนน ทำให้ สุภัค เข้าใกล้แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 9 ไปอีกขั้น
รุ่นเรือนั่งอาชีพ 1100 ซีซี ปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ (Pro Runabout 1100 Open) เพิ่มพล ธีรพัฒน์พาณิชย์ แชมป์โลกและแชมป์ประเทศไทย ต้องชิงดำแชมป์ปีนี้กับ สุภทัต ฟูตระกูล เพื่อนซี้ที่หากคว้าแชมป์สนามนี้ได้จะแย่งแชมป์ประเทศไทยไปจาก เพิ่มพล ทันที่ และ สุภทัต ก็มีลุ้นตั้งแต่โมโตแรกเข้าที่ 1 ได้ก่อน เพิ่มพล ตามมาที่ 2 และ ทศวนนท์ เผือกผ่อง เป็นที่ 3
โมโต 2 ยังลุ้นกันสนุกเมื่อ ทศวนนท์ ออกนำก่อน แต่ สุภทัต ก็ไล่แซงจนขึ้นที่ 1 ได้ ขณะที่ เพิ่มพล ที่ไล่หนักเกิดเรือสะดุดทำให้เข้าเพียงอันดับ 3 โดย สุภทัต เป็นอันดับ 1 และ ทศวนนท์ เป็นที่ 2 จบ 2 โมโต สุภทัต นำโด่งมี 120 คะแนนเต็ม ขณะที่ เพิ่มพล กับ ทศวนนท์ มี 101 คะแนน
ด้านการแข่งขันเจ็ตเซิร์ฟ ขิงแชมป์ประเทศไทย กีฬาทางน้ำชนิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เริ่มทำการแข่งขันโมโตแรก อันดับ 1 เป็นของ จอง จินจอง นักแข่งเกาหลีใต้ อันดับ 2 ธรรมศักดิ์ เติมจิตอารีย์ และอันดับ 3 วัชรศักย์ จันทร
การแข่งขันสนามนี้ ยังคงมาตรการป้องกัน โควิด-19 เน้นปฏิบัติคือ นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ ทุกคน จะต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด และก่อนเข้าสนามแข่งขันนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องตรวจ ATK (Antigen test kit) อีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันมั่นใจได้ว่าภายในสนามแข่งขันจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดเชื้ออย่างแน่นอนสมบูรณ์ รวมถึงการจัดมาตรการ D-M-H-T-T-A ที่ต้องปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในสนามแข่งขัน