เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021 ชิงแชมป์ประเทศไทย  
4 October 2021


บุ๊ค มุ่งมั่นเกินร้อย
เน้นการวางแผน“ออฟเดอะเกม” ป้องกันแชมป์ปีนี้

ยอดนักแข่งจอมเก๋า วัย 38 กะรัต “บุ๊ค เสริมสุวรรณ” เผยเคล็ดลับส่วนตัวที่ทำให้ตัวเองคัมแบ็คกลับมาคว้าแชมป์ประเทศไทยได้อีกครั้ง ทั้งที่เคยหันหลังเลิกขี่เจ็ตสกีไปนานนับ 10 ปีแล้วว่าเป็นเพราะความมุ่งมั่นส่วนตัวที่มีเกินร้อยแรงถีบ โดยเน้นใช้การวางแผน “ออฟเดอะเกม” นอกสนามแข่งให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด เลยทำให้พิชิตชัยเหนือรุ่นน้องที่เน้นแต่ “อินเดอะเกม” ลูกเดียวจนขาดความรอบคอบในรายละเอียดของการชิงชัยแต่ละสนาม ซึ่งปีนี้เจ้าตัวเป็นนักเจ็ตสกีไทยเพียงหนึ่งเดียวในรุ่นเจ็ตสกีนั่งที่บุกไปเหยียบสังเวียน “WORLD FINAL” ที่เลคฮาวาซู รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางอุปสรรคสารพัดอันเกิดจากโควิด เพื่อสานฝันของตัวเองที่ค้างคาใจมานานหลังไม่เคยประสบความสำเร็จที่สนามแห่งนี้เลย ก่อนจะกลับมาป้องกันแชมป์เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021 ในรุ่นเรือนั่งกึ่งอาชีพ 1100 ซีซี ปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ (Expert Runabout 1100 SuperStock) เป็นปีสุดท้าย จากนั้นปีหน้าจะขยับขึ้นไปแข่งในรุ่นโปร มั่นใจจะใช้ประสบการณ์และกลยุทธ์ส่วนตัวสกัดดาวรุ่งที่กำลังมาแรงได้อย่างราบคาบแน่นอน 

ความเคลื่อนไหวของยอดนักซิ่งบนผิวน้ำกับการเตรียมตัวล่าแชมป์ในศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย "เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2021” ที่กำหนดเปิดฉากสนามแรกกันในเร็ววันนี้ ซึ่งในส่วนของ “บุ๊ค เสริมสุวรรณ” นักเจ็ตสกีจอมเก๋าวัย 38 ปี เจ้าของแชมป์เก่าโปรทัวร์ 2020 รุ่นเรือนั่งกึ่งอาชีพ 1100 ซีซี ปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ (Expert Runabout 1100 SuperStock) เมื่อปีที่แล้ว

บุ๊ค เล่าย้อนถึงเส้นทางการขับขี่เจ็ตสกีตัวเองที่ค่อนข้างผกผันของตัวเองให้ฟังว่า “จริงๆแล้วผมเริ่มเข้าสูวงการนี้ตอนสมัยวัยรุ่นเลยนะ ตอนนั้นมีพี่ชายคือ ‘บูม เสริมสุวรรณ’ เขาแข่งเจ็ตสกีอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เราซึ่งเรียนอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็กอยากจะแข่งบ้าง เพราะกลับมาไทยทีไรก็เห็นพี่บูมเขาได้แชมป์อยู่ตลอด ตอนไฮสคูลผมเรียนที่อังกฤษ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ย้ายไปอยู่ออสเตรเลีย ซึ่งมันมันใกล้เมืองไทยมากขึ้น ก็เลยแอบแวบมาแข่งอยู่เรื่อยๆ วันเสาร์-อาทิตย์  พอจันทร์ อังคาร ก็บินกลับไปเรียนต่อเหมือนเดิม  ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้ซ้อมหรอก แต่ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กหนุ่มไฟแรง ใจมันอยากจะแข่งตลอดเวลา  ทุกอย่างก็ทำได้หมด ไม่เหนื่อยเลยครับ อายุยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำก็แข่งไปเรื่อยๆและอยู่ในอันดับหัวๆ ของรุ่นมือใหม่ (Novice) แต่ก็ยังไม่ได้แชมป์สักทีเพราะว่าผมก็ต้องบินไปบินมา เลยคิดว่าเดี๋ยวจบแล้วเราจะจริงจัง อยากได้แชมป์เหมือนพี่บูมบ้าง” พอจบแล้วผมก็ต้องต่อปริญญาโทอีก เลยบอกแม่ว่าขอมาเรียนอยู่ธรรมศาสตร์แล้วกันนะ เพราะจริงๆอยากจะแข่งเจ็ตสกี  ปีนั้นเลยกลับมาเรียนธรรมศาสตร์  เลยได้ลงแข่งมากขึ้นเพราะไม่ต้องบินไปบินมา  ตอนนั้นก็แข่งกับ ‘พี่เปิ้ล นาคร ศิลาชัย ในปี 2007 รุ่นเรือนั่งระดับกึ่งอาชีพ (Expert Runabout) และได้อันดับที่หนึ่ง

พอปี 2008 ก็ตั้งใจทำให้ได้แชมป์ประเทศไทยรุ่นเรือนั่งระดับกึ่งอาชีพ (Expert Runabout) อีกรอบหนึ่ง  เป็นปีที่ผมพร้อมมากๆ แต่ว่าวันที่จะแพ็คของไปแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้รู้ข่าวร้ายว่าคุณแม่เป็นมะเร็ง ทำให้เราก็ไม่อยากไปแล้ว เลยตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะขอสละสิทธิ์ทีมชาติแล้วกันปีนี้ แล้วก็พาคุณแม่ไปรักษาตัวที่อเมริกาแทน จากนั้นคุณแม่ก็เสีย แล้วผมก็หยุดแข่งไปเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”

“ผมและพี่ชายเลิกขี่เจ็ตสกีไปโดยปริยาย เลิกแบบไม่มองไม่แตะอีกเลยนะครับ เพราะรู้ว่าถ้าไปแตะไปมองเราก็จะอยากกลับมาอีก แล้วตัวเราก็ยังไม่ได้พร้อมขนาดนั้น ผมไม่ได้หมดกำลังใจในการขี่เจ็ตสกี แต่มันเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุนทรัพย์ค่อนข้างสูงมาก ตอนคุณแม่อยู่ท่านสนับสนุนผมเต็มที่ แต่คุณพ่อไม่ค่อยเห็นด้วยที่ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือไปเปลืองค่าใช้จ่ายมากมายกับกีฬานี้ ผมก็เลยหยุดมา 10 ปีเต็ม ช่วงนั้นก็อายุประมาณ 23-24  ก็ไปแต่งงานมีครอบครัวและสร้างเนื้อสร้างตัว จนพอที่จะมีกำลังทรัพย์มาซัพพอร์ตตัวเองได้ แล้วเราก็รู้สึกว่ามันยังเป็นฝันนึงที่ยังทำไม่สำเร็จ เป็นสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ รุ่นน้องคนอื่นๆที่เคยแข่งกับเรา เขาขึ้นมาเป็นแชมป์กันหมดแล้ว ทั้งๆที่สมัยนั้นเราสู้เขาได้ทุกคน เลยคิดว่าต้องคัมแบ็คกลับมาให้ได้ หลังๆผมก็เลยไปฟิตปั่นจักรยานเพื่อเตรียมกลับมาแข่งอีกครั้ง”


หลังตัดสินใจคัมแบ็คปีแรก บุ๊ค เผยว่า ตนก็ล้มเหลวทั้งปีเลย ทั้งที่ก่อนกลับมาก็ศึกษามาสัก 1 ปีแล้ว ว่าช่างคนไหนเก่ง ก็ดึงมาเป็นทีมงานเรา แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่คิด 10 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด  ทั้งวิธีการขับขี่และระดับการแข่งขันที่มันสูงขึ้นเยอะมาก  โดยเฉพาะที่เมืองไทยมีการพัฒนาไปมากจริงๆ เทียบกับเมื่อก่อนที่เคยแข่งเรามีทุนทรัพย์ที่สูงกว่าคนอื่น เราเรียนเมืองนอก เราก็รู้จักช่างต่างประเทศ และสมัยนั้นอินเตอร์เน็ตมันก็ยังไม่ดีเท่าไร เรือเราก็จะได้เปรียบคนอื่น พอมาถึงยุคนี้ ทุกคนถึงกันหมด ช่างไทยก็เก่ง เผลอๆเก่งกว่าช่างเมืองนอกด้วยซ้ำ แล้วร่างกายเราก็แก่ขึ้นด้วย ทำให้สู้เด็กไม่ได้ ไปชิงแชมป์โลกปี 2018 ก็ล้มเหลวกลับมา รู้สึกเหมือนเอาชื่อมาทิ้งเลย จากที่เมื่อก่อนเราเคยได้แชมป์แล้วเลิกไป ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม

แต่ตนไม่ยอมแพ้ และกลับมาสู้อีกรอบนึง  ซึ่งในปีต่อมา 2019 ก็โชว์ฟอร์มได้ดีเลย กลับมาทวงคืนแชมป์ประเทศไทย ซึ่งทั้งปีมี 12 โมโต แข่ง 4 สนาม ตนได้ที่ 1 ไป 10 โมโต ส่วนอีก 2 โมโตที่พลาดไปคือเรือเสีย กับหมวกกันน็อกหลุด  เรียกว่าเป็นปีที่มั่นใจมาก พอมาปีที่แล้ว 2020 ผมก็กลับมาพีคอีกรอบคว้าแชมป์ประเทศไทยอีกครั้ง 

ส่วนเจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021 ในปีนี้ มีการเตรียมความพร้อมอย่างไร ตนกะว่ากลับมาจากเวิลด์ไฟนอล คงต้องกักตัวอีก 15 วัน พอออกมาเรือที่ไทยต้องพร้อมไว้เลยวางแผนไว้แล้วเตรียมเรือที่ไทย คลุมผ้าไว้แล้วพร้อมกระโดดขึ้นเรือแข่งได้ทันที โดยรอบนี้ลง 2 รุ่น คือป้องกันแชมป์ในรุ่นที่เป็นแชมป์เก่า รุ่นเรือนั่งกึ่งอาชีพ 1100 ซีซี ปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ ( Expert Runabout 1100 SuperStock)  ก่อนที่ปีหน้าก็จะโดนบังคับห้ามแข่งรุ่นนี้แล้ว และต้องไปแข่งรุ่นระดับมืออาชีพ ด้านเรือแข่งใช้ YAMAHA-EX เป็นเรือ EX TURBO ถ้าในรุ่นเรือนั่งกึ่งอาชีพ ปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ ( Expert Runabout SuperStock) ตนจะใช้ยามาฮ่าอยู่ลำเดียว ขณะที่คนอื่นใช้ซีดู ขณะที่ทีมแข่งอยู่ทีมตัวเอง B2 JET RACING ไม่มีสปอนเซอร์แต่อย่างใด



“เรื่องของเจ็ตสกีเนี่ย ถ้าวัดเรื่องแรงอย่างเดียว ผมก็คงสู้นักแข่งรุ่นเด็กไม่ได้ ถ้าวัดฝีมือ ผมก็มีครอบครัว มีงานทำ มันก็คงไปวัดกับเด็กที่ไม่ได้ทำอะไร ตื่นมาซ้อมเลยก็ลำบาก เพราะฉะนั้นผมจึงมองเกมเจ็ตสกีว่ามันมี อินเดอะเกม กับ ออฟเดอะเกม ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเราสู้เขาอินเดอะเกมไม่ได้ ออฟเดอะเกมเราต้องมาชดเชยตรงนั้นให้ได้ ก็คือ เรื่องเรือ เรื่องทีม เรื่องเทคโนโลยี และก็เรื่องแผนการลงไป  อย่างโปรทัวร์ปีที่ผ่านมาที่ทำได้ดี 12 โมโตชนะไป 10 ก็เพราะว่าเราโฟกัสกับออฟเดอะเกม ส่วนพวกเด็กๆมือใหม่ที่ขึ้นมาแข่งใหม่ส่วนใหญ่ที่แข่งเจ็ตสกี เขาจะเน้นอินเดอะเกมอย่างเดียว แต่แผนออฟเดอะเกมไม่ดีเลยแพ้ผมไป” 

“กับคู่แข่งที่น่ากลัวในปีนี้ น่าจะเป็น จุลจักร งามดี และ สรวิชญ์  ผาสุก  ด้วยความที่เขาเด็กกว่าเยอะมาก อายุยังไม่ถึง 20 กันเลย แรงดี ทุกอย่างดี ผมก็ต้องอาศัยออฟเดอะเกมไปชนะเขาครับ รับรองสนุกแน่นอน เพราะทุกคนเน้นอินเดอะเกมกันหมดจนทิ้งออฟเดอะเกมมากเกินไป เช่น การใช้เรือหรืออุปกรณ์ บางคนโฟกัสว่าคนนั้นวิ่งได้ 152 เราต้องวิ่งได้มากกว่า แต่ผมไม่โฟกัสเรื่องนั้นเลย ผมโฟกัสว่าเรือเราต้องเร็วอยู่หัว แต่เรือเราต้องไม่ใช่ลำที่เร็วที่สุดของที่สุด เพราะลำที่เร็วที่สุดของที่สุดจะวิ่งไม่จบ ผมคิดตลอดว่าเจ็ตสกีแข่ง 4 โมโต วิ่งให้ได้ที่ 1 ทั้ง 3 โมโตแต่เสียไปโมโตนึง ยังไงก็ไม่ได้แชมป์ สู้คุณเก็บคะแนน ที่1 ที่2 ที่3 เลี้ยงเครื่องไปให้จบทุกโมโต ดังนั้นผมมองว่า มันต้องมีการวางแผนตลอด”


และน้องๆที่สนใจอยากมาแข่งเจ็ตสกี อยากจะบอกว่า สมัยก่อนตนเป็นเด็กเกเรคนนึง สอบตกเยอะมาก ตก 13 วิชา แต่พอไปเรียนเมืองนอก ได้เล่นกีฬาเยอะขึ้น เลยรู้สึกว่าเราจะทำร้ายตัวเองทำไม ก็หันมาเล่นกีฬามากขึ้น  กีฬาสำหรับเด็กก็เหมือนการฝึกความอดทน ตนมองว่าคนที่ชนะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด คนชนะคือคนที่จะทนเจ็บทนปวดและทนเหนื่อยในสนามได้มากที่สุดต่างหาก ดังนั้นถ้าอยากมาเป็นนักกีฬาเจ็ตสกีก็ต้องมีความอดทนในการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างแรกจึงจะประสบความสำเร็จได้

ติดตามชมติดตามเชียร์ใน ศึกเจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021 แฟนคอกีฬาที่ชื่นชอบความเร็วบนผืนน้ำ รวมทั้งแฟนๆกีฬาเจ็ตสกีทั่วประเทศต้องไม่พลาดติดตามข่าวสารได้ทาง  www.jetskiprotour.com และทางเฟซบุ๊ก jetskiprotour





  Official Insurance : Sanctioned by : Tournament Owner : Social network :
 

Powered by Asian Multi Sport & Entertainment © 2021 by jetskiprotour.com .All right reserved.