เจ็ตสกีโปรทัวร์ นับถอยหลังระเบิดความมันส์สนามเปิดฤดูกาล เร็วๆนี้ โดยนักซิ่งบนผิวน้ำแต่ละรุ่นต่างซุ่มฟิตซ้อมมาล่าแชมป์อย่างเต็มที่ โดยในรุ่นเจ็ตสกียืน Pro Ski Modified มีหวังเดือดแน่! แชมป์เก่า "อานนท์ หงษ์กลาง" มุ่งมั่นที่จะรักษาบัลลังค์ของตัวเองไว้อีกปี ขณะที่ “เจ้าบู้น”นันทวัฒน์ สิงห์อุไร นักแข่งดาวรุ่งวัย 17 ปี สุดห้าว !! ประกาศโค่นรุ่นพี่เป็นแชมป์ประเทศไทยให้จงได้ เชื่อมั่นตัวเองเป็นนักล่าที่ชอบขี่บี้หายใจรดต้นคออยู่แล้ว ฝากบอกคู่แข่งให้ระวังหลังให้ดี พลาดนิดเดียวมีสิทธิ์โดนแซงได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันยอมรับว่าหวั่นใจ 2 ม้ามืดจากกัมพูชา “โอเมิด สารี่ และ มุสตาน มิน” ที่มีสิทธิ์จะเบียดแย่งแชมป์ในรุ่นนี้ได้ตลอด ถ้านักแข่งไทยประมาทมีสิทธิ์น้ำตาร่วง
ความเคลื่อนไหวของศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย "เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2021” ที่เลื่อนการชิงชัยสนามเปิดฤดูกาลออกไปนั้น จะมีทัพนักกีฬาเจ็ตสกีทั่วประเทศเข้าร่วมชิงชัยกันอย่างล้นหลาม เพราะเป็นสนามประเดิมความมันส์ของนักซิ่งบนผิวน้ำที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยมานาน โดยฝ่ายจัดเน้นยกระดับมาตรฐานการแข่งขัน และเน้นความเข้มข้นของมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น ตามนโยบายของ ศบค.ซึ่งครั้งนี้ออกกฎให้นักกีฬาทุกคนจะต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดก็ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อด้วยการตรวจแบบ PCR อย่างละเอียดก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์
โดยความพร้อมของนักกีฬาแต่ละรุ่นที่ต่างซุ่มฟิตซ้อมกันมาอย่างเต็มที่ เพื่อเป้าหมายในการมาล่าแชมป์เจ็ตสกีโปรทัวร์หนนี้ให้ได้ ในรุ่นเจ็ตสกียืน Pro Ski Modified เจ้าของแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว อย่าง "อานนท์ หงษ์กลาง" กล่าวเปิดเผยว่า ถึงตอนนี้ตนพร้อมอย่างเต็มที่แล้วสำหรับการป้องกันแชมป์หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผ่านการฟิตซ้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน แทบไม่มีผลแต่อย่างใดเพราะโปรแกรมซ้อมของตนค่อนข้างต่อเนื่องและบึงพระราม 2 ก็เปิดตลอด ขณะเดียวกันวันไหนที่บึงปิดตนก็จะฟิตร่างกายด้วยการยกเวทอยู่ที่บ้าน ดังนั้นความฟิตจึงหายห่วง “เจ็ตสกีเวิลด์คัพที่พัทยาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผมลงแข่งในรุ่น pro sport gt1r และคว้าแชมป์โลกมาครองได้ ขณะที่รุ่น sport gp ได้ที่ 4 เป็นเรือนั่ง แต่ความจริงผมถนัดเรือยืนมากกว่า จึงค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้จะป้องกันแชมป์โปรทัวร์ได้อีกครั้ง” ในปีนี้ตนย้ายสังกัดมาอยู่ทีม OVER DRIVE ซึ่งเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ทำให้ไม่มีอุปสรรคอะไร เรือก็ใช้ลำเดิม SXR 1500 KAWASAKI ส่วนทีมช่างก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ทุกคนล้วนฝีมือระดับมาตรฐานหายห่วง เรื่องการปรับจูนเรือก็ไม่มีปัญหาถือว่าน่าพอใจ แต่การปรับจูนขึ้นอยู่กับสนามแข่งว่าเป็นทะเลหรือน้ำจืด เพราะจะไล่เรือคนละแบบ ถ้าเป็นทะเลก็จะยากหน่อยเพราะต้องเจอแรงต้านจากคลื่นตลอดเวลา สำหรับคู่แข่งแย่งแชมป์ในปีนี้ ที่น่ากลัวที่สุดก็คงเป็น “นันทวัฒน์ สิงห์อุไร” คู่ปรับเก่า รองแชมป์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งฟิตซ้อมทุกวันเช่นกันอยู่ที่เรือนแพฟิชชิ่งปาร์ค หนองจอก ปีก่อนคะแนนเขาห่างกับตนอยู่พอสมควร แต่ปีนี้ฟอร์มจากเวิลด์คัพที่ผ่านมาดูแล้วน่ากลัวกว่าเดิมเยอะ โดยเฉพาะสภาพร่างกายที่น่าจะแข็งแกร่งขึ้นเพราะเขาขยันฝึกซ้อมตลอดไม่เคยขาด เรือยืนค่อนข้างขับยาก ร่างกายต้องแข็งแรงจริงๆ เรื่องเทคนิคต่างๆตนคิดว่าสูสี จะมาวัดผลแพ้ชนะกันก็ที่สภาพร่างกายว่าใครจะฟิตกว่า ซึ่ง นันทวัฒน์ เขามีจุดแข็งเดียวกับตนคือความแกร่งนี่แหละ
|
|
ขณะที่ผู้ท้าชิงคนสำคัญ คือ “เจ้าบู้น” นันทวัฒน์ สิงห์อุไร รองแชมป์เก่าดาวรุ่ง วัย 17 ปี ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ปีนี้ตนเตรียมความพร้อมมาดีกว่าปีที่แล้วเยอะ ทั้งเรื่องของสภาพร่างกายและความพร้อมของเรือแข่งที่ผ่านการปรับจูนเครื่องยนต์มาเป็นอย่างดี โดยในส่วนของเรือตนยังคงใช้เรือคาวาซากิ SXR 1500 ลำเดิม และ เบอร์เดิม หมายเลข T111 แต่มีการเปลี่ยนทีมช่างใหม่ ที่มาทำให้ตนคว้าแชมป์เวิลด์คัพหนล่าสุดได้สำเร็จ ส่วนการปรับแต่งอุปกรณ์ก็จัดว่าเพอร์เฟกต์เพราะตนเปลี่ยนมาใช้รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2021 เลย มั่นใจว่าแข่งกับใครก็ไม่กลัวทั้งนั้น “เมื่อปีที่แล้วผมทำคะแนนได้ไม่ดีในสนามแรกๆ เพราะมัวแต่โฟกัสกับการเตรียมเอเชี่ยนบีชเกมส์ทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิกับศึกโปรทัวร์เท่าไหร่ แต่ปีนี้หมายมั่นปั้นมือว่าจะกลับมาลุ้นแชมป์ประเทศไทยให้ได้ เพราะเรือยืนเป็นอะไรที่ผมถนัดอยู่แล้ว” ส่วนสภาพร่างกาย นันทวัฒน์ บอกว่าก็ถือว่าฟิตเต็มร้อยแม้จะมีเรื่องของโควิด-19 มาส่งผลกระทบกับการซ้อมบ้างแต่ถือว่าเล็กน้อยไม่มีผลอะไรมาก เพราะปกดิตนฝึกหนักทุกวันไม่เคยขาดอยู่แล้ว ซ้อมตั้งแต่บ่ายสองถึงช่วงค่ำๆ ที่บึงฟิชชิ่งปาร์ค หนองจอกเป็นประจำ โดยรูปแบบการฟิตร่างกายก็ไม่มีอะไรมาก วอร์มร่างกายด้วยการวิ่งบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง สลับกันไป เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการคอนโทรลเรือยืนที่ค่อนข้างยากกว่าเรือชนิดอื่น “เจ้าบู้น” เผยต่อไปว่า สำหรับปีนี้ตนยังคงสังกัดทีมเดิมคือ ดราก้อนเจ็ตสกี ซึ่งความพร้อมโดยรวมดีกว่าปีก่อนมากมั่นใจว่ามีโอกาสที่จะโค่นแชมป์เก่าได้อย่างแน่นอน เพราะเราได้จูนเรือมาตั้งแต่สนามแรก ก็อยากจะบอกคู่แข่งโดยเฉพาะพี่อานนท์ว่า “ให้ระวังไว้ดีดี เพราะเด็กใหม่จะมาแรงครับ ถ้าพี่พลาดนิดเดียวโดนแซงแน่” ตนยิ่งชอบขี่ไล่ตามหลังอยู่ด้วย รับรองคราวนี้ได้สู้กันสนุก เสียดายที่เป็นสนามน้ำจืด ถ้าเป็นสนามน้ำทะเลคงจะมันกว่านี้อีก เพราะเป็นคนชอบในการสู้กับคลื่นเป็นพิเศษ สำหรับคู่แข่งรายอื่นที่น่าจับตาว่าจะเป็น “ม้ามืด” ที่จะมาเบียดแย่งแชมป์ในรุ่นนี้ คิดว่านักแข่งกัมพูชา 2 คน น่ากลัวมาก คือ โอเมิด สารี่ และ มุสตาน มิน ที่ใช้ทีมช่างระดับโลกจาก Flamingo มาคอยซัพพอร์ตให้ จนสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นในศึกเวิลด์ซีรีส์เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาที่พัทยา ซึ่งนักแข่งไทยจะประมาทไม่ได้เลย เพราะคู่นี้มีสิทธิ์เบียดแย่งแชมป์จากเราตลอดเวลา
ในตอนท้าย “เจ้าบู้น” นันทวัฒน์ สิงห์อุไร ฝากขอกำลังใจจากแฟนๆเจ็ตสกีช่วยลุ้นให้ตนคว้าแชมป์ประเทศไทยปีนี้มาครองให้ได้ และฝากถึงน้องๆ นักเจ็ตสกีรุ่นใหม่ถ้าอยากจะพัฒนาฝีมือสู่แถวหน้าก็ขอให้ลองหาเรือแข่งที่เหมาะกับตัวเอง แล้วขยันซ้อมให้มากๆ เรื่องอายุจะมากจะน้อยไม่สำคัญทุกอย่างอยู่ที่หัวใจและความมุ่งมั่น อย่างตนหัดขับเจ็ตสกีมาตั้งแต่ 8 ขวบเพราะคุณพ่อมีเรืออยู่แล้ว เลยมีโอกาสซ้อมและลงแข่งประลองฝีมืออยู่เป็นประจำ
สามารถติดตามข่าวสารของศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย “โปรทัวร์ 2021” ได้ทาง www.jetskiprotour.com และทางเฟชบุ๊ค jetskiprotour